“ลูก้า โมดริช” จอมทัพราชันชุดขาวหยุดความยิ่งใหญ่ของ คริสเตียโน โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี เมื่อได้รับเลือกเป็นผู้ชนะรางวัลลูกบอลทองคำประจำปีนี้ มิดฟิลด์จอมเทคนิคของ
เรอัล มาดริด ผงาดคว้ารางวัลบัลลงดอร์ประจำปี 2018 ไปครองเป็นสมัยแรก โดยกองกลางทีมชาติโครเอเชียโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในปีที่ผ่านมา เมื่อช่วยราชันชุดขาวเขียนประวัติศาสตร์
คว้าแชมป์ 'ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก' เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน พร้อมทั้งยังนำบ้านเกิดสร้างประวัติศาสตร์คว้ารองแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 ด้วย
ผลงานดังกล่าวทำให้ห้องเครื่องวัย 33 ได้รับคะแนนโหวตจากคณะกรรมการมากที่สุด 753 คะแนน คว้าลูกบอลทองคำในปีนี้ไปครอง โดยมี คริสเตียโน โรนัลโด้ ตามมาในอันดับสอง 476 คะแนน
และ อองตวน กรีซมันน์ รั้งอันดับสาม 414 คะแนน การคว้าบัลลงดอร์ของโมดริชยังเป็นการหยุดยุคทองของ คริสเตียโน โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี ที่ผลัดกันเชยชมรางวัลนี้แค่สองคนตลอด 10 ปีที่ผ่านมาด้วย
โดยผู้ชนะคนล่าสุดที่ไม่ใช่สองคนนี้คือ ริคาร์โด้ กาก้า อดีตจอมทัพของ เอซี มิลาน ในปี 2007
ขณะเดียวกัน ดาวเตะโครแอตยังเหมากวาดรางวัลนักเตะแห่งปีครบทุกสถาบันหลักในปีนี้ด้วย หลังก่อนหน้านี้ได้รับจาก สหพันธ์ลูกหนังยุโรป (ยูฟ่า) และ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) มาแล้ว
ส่วนรางวัลใหม่ที่มีการแจกเป็นปีแรกอย่าง 'The Kopa Trophy' ที่จะมอบให้กับนักเตะอายุต่ำกว่า 21 ที่ทำผลงานได้โดดเด่นที่สุด ตกเป็นของ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ กองหน้าวอนเดอร์คิดของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และทีมชาติฝรั่งเศส
ด้านรางวัลนักฟุตบอลหญิงยอดเยี่ยม 'Ballon d'or Feminin' ที่มีการมอบเป็นปีแรกเช่นกัน ตกเป็นของ อาด้า เฮเกอร์เบิร์ก กองหน้าสาวชาวนอร์เวย์ที่นำ โอลิมปิค ลียง คว้าแชมป์สโมสรยุโรป 3 ฤดูกาลติดต่อกัน
นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า หรือ ฟีฟ่าบาลงดอร์ (อังกฤษ: FIFA Ballon d'Or) เป็นรางวัลฟุตบอลประจำปีที่มอบใหักับนักฟุตบอลที่ถือว่ามีผลงานดีที่สุดในฤดูกาลที่ผ่านมา โดยคะแนนเสียงมาจากผู้ฝึกสอน
และกัปตันทีมฟุตบอลประเทศต่าง ๆ รวมถึงผู้สื่อข่าวจากทั่วโลก
รางวัลนี้เริ่มมีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2010 หลังจากที่ได้รวมรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป (บาลงดอร์) เข้ากับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี (FIFA World Player of the Year award)
นอกจากจะมีรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี ยังคงมีการมอบรางวัลสำหรับนักฟุตบอลฝ่ายหญิงอีกด้วย